Menu

 

ตลอดเส้นทางที่เลี้ยวลดไปมาบนภูเขาสูง
ลัดเลาะโค้งคดที่เหลื่อมลดองศามากน้อยริมขอบภูผา
ความชุ่มชื้นทั้งพื้นผิวและสิ่งแวดล้อมสองข้างทางในวัสสานฤดู
ธรรมชาติที่ผันผานตามฤดูกาลในห้วงเวลากลางฤดูที่ป่าทั้งป่าชุ่มฉ่ำ
บางสิ่งที่ตามหาอาจไม่เจอ แต่บางสิ่งที่ไม่ได้ตามหากลับมาประจักษ์อยู่ตรงหน้า
เปรียบเสมือนชีวิตผู้เขียน..ที่ทั้งชีวิตไม่เคยคิดครอบครองรถสายพานออโต้เลยแม้เพียงสักนิด
แต่การลิขิตของสิ่งที่มิอาจหยั่ง ดลใจให้ได้ครอบครองราชรถสองล้อพิกัดหนักที่ไร้โซ่และและเกียรทั่วไปให้เลือกใช้
บททดสอบที่ประดังประเดให้ผู้เขียนพาโซฟาไปซิ่งในระยะทางของช่วงรันอินที่ไตร่ตรองแล้วถ้าสติดีคงไม่รันอินในพิสัยนี้
ณ บัดนี้ เราพร้อมแล้วที่จะพาคุณซ้อนพาหะสองล้อนาม”คนบ้าโซฟาซิ่ง“แล่นทะยานไปด้วยกันอีกเช่นเคยอย่างคนเคยคุ้น
เดินทางไปพร้อมกันกับ [Pantip Garage : ONRIDE] Full Review SUZUKI BURGMAN 650 ABS โปรดเรียกผมว่าคนบ้าโซฟาซิ่ง

 

 

การเดินทางครั้งนี้ตามโผเดิม…ไม่มีเจ้า SUZUKI BURGMAN 650 ABS หรือที่หลายๆคนเรียกเล่นๆว่าบักหมานใหญ่ หรือที่ผู้เขียนตั้งฉายาว่า “คนบ้าโซฟาซิ่ง” ตามแผนการเดินทางแต่อย่างใด

แต่เมื่อความตั้งใจที่จะเดินทางตามแผนที่มีอยู่แล้ว มาชนความไม่ตั้งใจที่จะเอาเจ้าโซฟาซิ่งไปซิ่งในทริปนี้ มาบรรจบกับความบังเอิญที่เพิ่งมารู้ก่อนหน้าที่จะเดินทางไม่กี่วันว่า…ห๊ะ รับรถได้เลยเร๊อะ(เลยต้องบวกระยะทางเพิ่มขึ้นไปอีกพันกว่ากิโลเมตร) ทริปนี้จึงผสมทั้งโซดา น้ำ และน้ำแข็งเข้าด้วยกัน แต่หากจะเหล้า…เอ้ยยยย เล่ารวมกัน อาจเป็นรีวิวที่ร้านเย็นตาโฟอาจไม่ชอบใจนัก(หากไม่เข้าใจมุกนี้ต้องย้อนไปดู https://pantip.com/topic/36749313 นะจ๊ะ)

จึงขอตัดตอนเนื้อหาออกเป็นสามส่วน

อนึ่ง…ในส่วนแรกขอยกให้น้องสาวสก๊อยนักเหลาเมาท์มอย Login : Skoy!Turnpro รับหน้าที่ในโอกาสต่อไปที่นี่เร็วๆนั้น และรวมถึงขอขอบคุณภาพถ่ายหลายๆภาพในกระทู้นี้ที่เป็นฝีมือของ Login : Skoy!Turnpro ด้วยจ้า(แถวบ้านเรียกโยนงานให้น้องเอาดื้อๆนี่แหละ ๕๕๕)

อสอง…ในส่วนที่สองก็จะนำมาสาธยายในกระทู้นี้แหละจ้า ถ้าชอบให้รู้ว่าชอบก็กด + คะแนนหรือแถมแสดงความรู้สึกให้กระทู้นี้ ก็จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง(จริงๆแค่เข้ามาอ่านก็ดีใจแล้วจ้า)

อสาม… ตั้งใจไว้ว่าจะเขียนในส่วนของ “ตามรอยพ่อด้วยสองล้อที่มี…” ใน Pantip Garage ฉบับวางแผงเดือนตุลาคมนี้แน่นอนจ้า…

[DAY 1]  B K K > > N a k o r n s a w a n > > W a n g c h a o > >  M a e s o d > > U m p h a n g

 

 

 

ช่วงแรกของการเดินทาง ค่อนข้างจะต้องแข่งกับเวลา ช่วงกรุงเทพมาแยกที่จะเลี้ยวซ้ายจากถนนสายเอเชียเข้าแม่สอดเป็นทางตรงยาวๆ ซึ่งก็ทำให้เจ้าโซฟาซิ่งได้ลองทำความเร็วตามขบวน ซึ่งในความเร็วเดินทางของขบวนรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ เจ้าโซฟาซิ่งทำได้ดีสบายๆสำหรับสภาพถนนตามเส้นทางที่กล่าวไป….จนมาถึงช่วงที่จะเข้าแม่สอดนี่แหละ หึหึหึ

และนี่คืออัตราสิ้นเปลืองในช่วงทำความเร็วดังกล่าว(ถ่ายที่ปั้ม ปตท.เขาทอง)

 

 

 

สภาพของถนนช่วงที่เลี้ยวจากถนนเอเชียจะไปแม่สอด ร้อยละสามสิบของเส้นทางอยู่ในสภาพกำลังก่อสร้าง และประมาณร้อยละห้าอยู่ในสภาพที่ถ้าฝนตกคือหนังชีวิตดราม่าเข้มๆสักเรื่องนี่เอง ทันใดนั้นเองเจ้า BURGMAN 650 ABS จำต้องแปลงร่างเป็น BURGMAN 650 Touring Adventure ชั่วคราว ทำให้รู้เลยว่าเมื่อช่วงล่างต้องเจอกับสภาพถนนดังกล่าวการใช้งานจะอยู่ในสภาพไหน ยึดเกาะเพียงใด
ช่วงนี้ใครจะมาเส้นนี้เช็คให้ดีๆก่อนเน้อว่าเขาปิดถนนเพื่อระเบิดหน้าผาหินเวลาไหน เข้าผิดเวลานี่จอดติดแถวยาวๆหลายกิโลเมตรนานเป็นชั่วโมงเลยจ้า
หลังจากนั้น สภาพก็เป็นไปตามที่เห็นและเป็นอยู่นั่นแหละครับเจ้านาย….
คุณเปียกปูนแปลงครึ่งร่างเป็นคุณตะโก้ไปซะแล้ว ๕๕๕

 

 

 

 

 

ถึงแม่สอดแวะทานมื้อเที่ยง(มั้ง) เตรียมหวดไปอุ้มผางกันต่ออีก เป็นอีกวันที่ยอมรับว่าแทบจะตาเหลือก ๕๕๕ เหนื่อยนะ แต่กินได้แค่ที่เห็นจริงๆ

 

 

 

 

ระยะทางเพียงไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตร แต่ประมาณร้อยละเจ็ดสิบเป็นโค้งคดเคี้ยวบนภูเขา…นั่นคือสภาพเส้นทางของถนนสายนี้ แต่ความงามและความสนุกในระดับความยากของเส้นทาง แนะนำเลยว่านักเดินทางด้วยสองล้อหรือแม้จะกี่ล้อก็ตามควรมาเยือนสักหลายๆครั้ง เพราะแต่ละครั้งที่มาก็มาบางอย่างที่ได้เสพย์แตกต่างกันไป มาหน้าฝนก็แบบหนึ่ง มาหน้าหนาวก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง เหมาะเป็นเส้นทางสำหรับระบายอารมณ์บางอย่างแล้วเอาอารมณ์นั้นมาขี่รถทั้งวันมาสะบัดทิ้งออกไปตามโค้งเขาลำเนาไพร เพื่อมานอนรับอากาศบริสุทธิ์ในอุณหภูมิที่เย็นสบายของอุ้มผางในฤดูฝนสักคืนสองคืน

 

 

 

 

 

 

 

[DAY 2] U m p h a n g > >  M a e s o d

ขากลับจากอุ้มผางมาแม่สอด แม้จะเป็นถนนเส้นเดียวกับเมื่อวาน แต่วันนี้เหมือนหนังอีกม้วนถนนส่วนใหญ่แห้งกริบ ทำให้มีโอกาสได้ลองอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น แวะชิลกับร้านกาแฟที่ดูจากทางเข้าแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อว่ามีร้านแบบนี้แอบอยู่ นั่งเพลินๆวิวดีๆ ที่สำคัญสาวๆแวะเยอะอยู่นะ อิอิ

 

 

 

 

 

 

 

ช่วงจากอุ้มผางมาแม่สอด ลองม้วนโค้งดูหลายๆตลบ เอาเป็นว่าขาตั้งคู่ที่ติดรถมาให้นี่คือเซ็นเซอร์เตือนความปลอดภัยชั้นแรกในการใช้หน้ายาง หากขาตั้งคู่ครูดพื้นถนนเมื่อไร เป็นตัวชี้วัดว่าเราใช้หน้ายางไปประมาณนี้ครับ

 

 

 

 

 

[Day 3] M a e s o d >> M a e r a m a d >> T h a s o n g y a n g  >> M a e w a >> M a e s a r e i n g

 

 

วันนี้เราสองคันมีเวลาที่ค่อนข้างจะเหลือเฟือ เลยเฉื่อยแฉะกันไปบ้าง กว่าจะออกจากแม่สอดก็ปาไปเกือบๆ11โมงเลยเชียว แวะอัดน้ำมันให้เต็มถัง เพราะระหว่างทางจากแม่สอดไปแม่สะเรียง ไม่มีปั้มน้ำมันขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานให้บริการนะจ๊ะ แต่จริงๆแล้วป้ัมเล็กๆก็ใช้ได้แหละ ชาวบ้านเขาก็ใช้กัน ฮ่าๆ และจากระยะทางกับความเร็วเดินทางที่ใช้ประจำกับอัตราสิ้นเปลืองที่ได้ สำหรับ BURGMAN 650 ABS ระยะทางเท่านี้ก็กระพริบขีดแรกพอดี

 

 

แวะจอดถ่ายรูปกันเรื่อยเปื่อยตามจุดสำคัญริมทางหลวงหมายเลข 105

 

 

หิวก็แวะหาอะไรกิน…ผู้เขียนไม่รู้ว่าไปได้ passsive skill : good taste food traveler มาตั้งแต่เมื่อไร แวะหาร้านไปมั่วๆ มักะไม่พลาดที่จะโชคดีได้เจอร้านอร่อยราคาไม่แพงเสมอ ร้านนี้เพี้ยนชวนชิมขอแนะนำเลยจ้า อร่อย ไม่แพง วิวหลักล้าน ร้านเจ๊น้อย ในตัวอำเภอท่าสองยาง ตามลายแทงไปโลด

 

 

 

 

 

 

จากท่าสองยาง เราเลื้อยไปพักกันชิวๆอีกแห่งที่จุดชมวิวของหมวดการทางแม่สลิดหลวง อิอิ แพร่เชื้อสายชิลให้น้องๆนี่มันสนุกจริงๆ บอกแล้วว่าวันนี้ไม่รีบ๕๕๕ ณ จุดนี้เราจะเห็นผู้คนสองฝั่งข้ามไปมาหาสู่กันด้วยเรือหางยาวด้วยนะ

 

 

 

 

 

 

 

เดินทางต่อไปอีกหน่อยเราได้พบกับอีกหนึ่งสถานที่นี้….โดยบ้งเอิญ โดยที่เราไม่มีข้อมูลของที่นี่มาก่อนเดินทางแต่อย่างใด
เกริ่นไว้ในบทนำกระทู้ว่า….” บางสิ่งที่ตามหาอาจไม่เจอ แต่บางสิ่งที่ไม่ได้ตามหากลับมาประจักษ์อยู่ตรงหน้า ”
สถานที่ๆไม่ปรากฎพิกัดใน google map พูดชัดๆคือไม่สามารถค้นหาได้จาก Application ยอดนิยม….
สถานที่ๆจะพบเห็นความสวยงามตามรูปแบบของมันได้เฉพาะช่วงฤดูฝนเท่านั้น
ชื่อของที่นี่คือ “น้ำตกทีมอโบ” พิกัด 17.54516,97.9381621
หากคุณผ่านมาในฤดูแล้ง จุดนี้จะมีหน้าตาแบบนี้….
(คราวก่อนผ่านมาตอนหน้าแล้งเลยไม่ทันสังเกต)

 

 

แต่ในฤดูฝน เราจะได้พบกับน้ำตกหินปูนขนาดย่อมที่สาดซัดละอองน้ำกันริมทางหลวงหมายเลข 105 กันแบบนี้เลย!!

 

 

ถ้านึกขนาดไม่ออก เราเทียบขนาดให้ดูก็แล้วกัน

 

 

 

ถ้าจะหาตามลายแทง คือมาจากแม่สอดมุ่งหน้าไปแม่สะเรียง น้ำตกทีมอโบ จะอยู่ขวามือก่อนถึงสถานพักพิงบ้านทัศนีย์ประมาณสักหนึ่งกิโลเมตร

 

 

ยัง….สายชิลอย่างเรา เป้าหมายของการเดินทาง หาใช่แสวงหาที่ไปนอนเหยียดกายบนที่นอนของที่พักปลายทางเป็นสำคัญไม่ ถ้าอยากจะนอน…เราจะออกมาบ้านมาเป็นพันกิโลเมตรทำไมล่ะ ๕๕๕ ขี่ๆไป  passive radar และสัญชาติญาณหมี สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความชิลอีกแล้ว ไม่รู้หรอกว่าตรงนี้มีอะไรดี แต่เหมือนมีพรายกระซิบว่า….แวะหน่อยไหม สงสัยตัวเองอีกแล้วว่าไปได้ passive skill : Lucky Explorer มาตั้งแต่เมื่อไร แวะมั่วๆเจอดีอีกแล้ว

 

 

 

 

 

 

วิว ณ จุดนี้ บอกได้เลยว่าบรรเจิคเฉิดฉายมากๆ

 

 

 

 

โอ๊ะ นั่น…ออฟติสมัสไพร์ม ที่แท้มาหลบอยู่นี่เอง ๕๕

 

 

ชี้เป้าไปให้ชิลโดยทั่วกัน จุดชมวิวนี้ อยู่ที่สถานีตำรวจภูธรแม่เมย จ้า สะดวก สะอาด ปลอดภัย น่าเอาเตนท์มากางนอนสักคืนเนอะ อิอิ

 

 

จากปากทางเข้าวัดมงคลคีรีเขตร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของถนนช่วงหนึ่งที่สายนิยมโค้งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งพวง ถนนเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆและไม่ค่อยมีรถบรรทุกหนักมาวิ่งแถวนี้ให้ทางพัง(ไม่ใช่ถนนสายเศรษฐกิจก็ดีไปอีกอย่าง) ลาดยางอย่างดี ยางมะตอยที่ผสมหินกรวดในขนาดที่เหมาะสม นี่มันน้องๆแทรคเซอร์กิตเลยก็ว่าได้ ขนาดความกว้างของถนน มุมองศาแคบกว้างของโค้ง ความลาดชันในการไต่ขึ้นและไหลลง ในช่วงเวลาที่ไปเจอทั้งทางเปียก ฝนตก ทางแห้งๆ ทางหมาดๆ ครบทุกกระบวนท่า

ผมชอบเส้นนี้มากกว่าทางหลวงหมายเลข 12 ประเด็นสำคัญคือมันไม่ค่อยมีรถผ่าน และความเร็วที่ใช้ได้มันก็เร็วกำลังพอสนุกแบบหอมปากหอมคอ และที่สำคัญทุกสภาพแวดล้อมที่เจอในวันนั้นมันเหมาะกับการทดสอบความเป็น BSC Touring ของ SUZUKI BURGMAN 650 ABS มากๆ และสำหรับสายทัวร์ริ่งผู้นิยมเสพโค้ง ช่วงนี้นับได้ว่าเป็น The best ที่ขอแนะนำจากใจจริง

ที่สำคัญที่สุด โปรดใช้ความเร็วแค่พอประมาณ อย่าประมาท อย่าลืมว่านี่เป็นทางหลวงแผ่นดิน สร้างจากภาษีของเราทุกคนเพื่อใช้ร่วมกันเป็นสาธารณะ ไม่ใช่สนามแข่งนะจ๊ะ ระวังการใช้ถนนร่วมกับประชาชนคนสัญจรทั่วไปด้วยจ้า สนุกได้แต่ก็ต้องปลอดภัยกับตัวเราเองและคนอื่นๆเน้อ

โปรดท่องไว้ในใจเสมอว่าแถวนี้นานๆมีรถผ่านมาสักคัน วันไหนดวงกุดพลาดแหกโค้งออกไปนี่…ถ้าอยู่ในสภาพตะกายขึ้นมาข้างถนนเพื่อขอความช่วยเหลือไม่ได้นี่มีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะได้นอนเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้าข้างทางสืบไป

 

 

 

 

 

ก่อนจะเข้าเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝนตกหนักตลอดทาง แต่ก็เพราะฝนนี่แหละ เราจึงได้เห็นวิวสองข้างทางเป็นเมฆหมอกปกคลุมภูเขาเป็นช่วงๆ อารมณ์ตอนนั้น นึกในใจตลอดว่า นี่ขี่อยู่แถวๆลาวเหนือหรือเปล่าเนี่ย

 

 

และแล้ว ในขณะที่ผู้เขียนมัวแต่มองวิวภูเขาสวยๆด้านขวาเพื่อหาจุดจอดถ่ายรูปด้านบน…โดยไม่ทันได้สังเกตว่าด้านซ้ายใกล้ๆกันนั้น…..
นอกจากที่เราโชคดีได้เจอน้ำตกทีมอโบ ที่แม้จะไม่ปรากฎใน Google map แต่ก็พอจะมีข้อมูลอื่นๆให้ค้นหาอยู่บ้าง
แต่แล้ว…อีกน้ำตกที่เราเจอข้างทางกลับเป็นน้ำตกที่ไม่ปรากฎใน Google map อีกเช่นกัน และผู้เขียนพยายามหาข้อมูลดูว่าน้ำตกนี้มีชื่อเรียกหรือไม่ เพราะดูลักษณะแล้วก็จะมีน้ำแบบนี้เฉพาะช่วงหน้าฝนอีกเช่นกัน กลายเป็นว่า…ไม่ปรากฎข้อมูลให้ค้นหาแต่อย่างใด…แต่ถึงอย่างไรผมเชื่อว่าท้องถิ่นเขาต้องมีชื่อเรียกน้ำตกแห่งนี้แหละน่า (นักสืบพันทิปช่วยหาหน่อย ถ้าเจอวานบอกทีเน้อ พิกัดอยู่ซ้ายมือถ้ามาจากโรงเรียนแม่วะหลวงมุ่งหน้าไปแม่สะเรียงสักสิบกว่ากิโลเมตรเห็นจะได้)

ทริปนี้ใช้แต้มบุญที่สะสมมาได้คุ้มจริงๆ!!!
passive skill : Lucky traveler ทำงานอีกแล้วสินะ!

 

 

 

 

ปลายทางของเราวันนี้อยู่ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน จากภาพจะเห็นได้ว่าชิลกันเกิ๊น เริ่มจะแสงน้อยลงไปทุกทีแล้ว ๕๕๕
ตรงดิ่งมาถึงที่พัก …ไม่รู้ว่าคนจองกลัวผีจนไม่กลัวเสียงกรนของหมีหรืออย่างไร เลือกห้องที่นอนได้สามคนมาซะได้ แต่ก็โอเคอยู่นะ

 

 

ระเบียงมีที่ให้ชิล…แต่ยามนี้เราเอาไว้ตากชุดที่ลุยฝนกันมาทั้งวันดีกว่า ๕๕๕

 

 

วิวหน้าระเบียงเป็นน้ำยวม ช่วงนี้น้ำกำลังเยอะตามปกติของฤดู River House สมชื่อจริงๆ

 

 

ใกล้ๆที่พัก มีกาดนัดที่ขายของกินพื้นเมืองพอดี เหม๊าะขนาด อิอิ มื้อนี้ยอมรับว่าตามใจปาก กิ๋นเพราะใคร่อยากแต้ๆเจ้า

กำ เ มื อ ง วั น ล ะ กำ >> ก า ด ติ๊ ด >> เ เ ป ล ว่ า > > ต ล า ด วั น อ า ทิ ต ย์

 

 

 

 

 

 

[Day 4] M a e s a r e i n g > > S u a n s o n e b o r k e a w > > H o d > > C h a i n g m a i > > M a e c h a n g

ตื่นขึ้นมางับอาหารเช้าของโรงแรม ก็ง่ายๆสไตล์อเมริกันทั่วไป แต่บรรยากาศนี่สดชื่นดีจริงๆ

 

 

เป้าหมายการเดินทางสำหรับวันนี้ แห่งแรกคือที่ๆตั้งใจไว้ว่าจะถ่ายภาพมาทำ Cover กระทู้นี้นี่แหละครับ น่าจะคุ้นเคยกันดีกับสำหรับมุมมหาชนของคนนิยมการท่องเที่ยว มุมที่เป็นทางดินตรงเข้าไปในแนวต้นสน ของ “สวนสนบ่อแก้ว” นั่นเอง การเลือกมาถ่ายภาพจุดนี้ เวลานี้ ในวันธรรมดา เป็นเรื่องที่ดีมากๆอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ อิอิ

 

 

 

 

จากสวนสนบ่อแก้ว ไปต่ออีกไม่ไกลก็จะผ่านอุทยานแห่งชาติออบหลวง แล้วขี่เลียบน้ำแม่แจ่ม ลงไปอำเภอฮอด

 

 

และหลังมื้อเที่ยงที่อำเภอฮอด จุดนี้เอง ผู้เขียนก็จำใจต้องแยกจากน้องชายและน้องสาวที่ต้องกลับให้ถึงกรุงเทพในวันนี้ ขอบคุณน้องทั้งสองที่เป็นห่วงกลัวหมีจะเหงา ยอมทำเป็นใจอ่อนจากการถูกหลอกล่อจนต้องยอมลางานต่ออีกหนึ่งวันเพื่อขี่มาส่งกันถึงตรงนี้ แถมยังถูกขู่เข็ญให้ช่วยถ่ายรูปสวยๆให้อีกมากมาย (รูปไหนที่ดูแล้วผมไม่ได้ถ่ายเอง ก็ฝีมือ Login : Skoy!Turnpro นั่นแหละครับท่านผู้ชม… แม้เราจะห่างกันไปเพียง1/4ไมล์….เอ้ยยย ไม่ใช่!!ไม่มีอะไรจะกล่าวอีกนอกจากคำว่าขอบคุณจากหัวใจครับ โปรดถนอมสุขภาพจนกว่าวันที่เราจะได้ก๊งกันอีก อิอิ

 

 

แยกกันแล้ว ผู้เขียนก็ชิลต่อแบบยาวไปเชียงราย ไม่ใช่อะไรเลย เพื่อนสาวนางหนึ่งเพิ่งจะมีหลานสาวออกมาชมโลกเมื่อต้นปี ถือโอกาสขึ้นเหนือรอบนี้มาอุ้มหลานสักหน่อย อิอิ

 

 

เพื่อนสาวและแฟนหนุ่มเตรียมเสบียงแสนโอชาในสไตล์คนเมืองแต้ๆไว้พร้อมสรรพ อิ่มตาเหลือกไปอีกมื้อ เอื๊อกกกกซ์

 

 

 

[Day 5] M a e j a n > > C h a i n g s a n > > G o l d e n T r i A n g le >> P h a n g > > C h a i n g d a o > > C h a i n g m a i

ตื่นแต่เช้า ชวนเจ้าของบ้านไปสามเหลี่ยมทองคำสักหน่อย (ไปเองไม่ถูก ๕๕) เพื่อเก็บภาพท้ายสุดของทริปนี้ครับ
มาถึงตรงนี้แล้ว ก็ต้องขอบพระคุณสมาชิกทุกท่านที่ติดตามอ่านในส่วนของการเดินทางมาถึงตรงนี้ครับ ขอบคุณมากๆเลยครับ

 

 

 

 เหตุผลดังจะกล่าวต่อไปนี้เป็นเพียงเหตุผลส่วนตัวเท่านั้น ไม่อาจใช้เหตุผลเดียวกันนี้ได้กับทุกคน

 เหตุผลที่เลือก SUZUKI BURGMAN 650 ABS

สารภาพตามตรงว่าก่อนหน้านี้ผู้เขียนไม่เคยคิดจะมีรถสายพานออโต้ไว้ในครอบครองเพื่อใช้สอยสักคันเลยสักนิด แม้จะเคยมีโอกาสได้ยืม Sport Scooter ค่าย Y มาลองขี่ และได้ยืม BSC สายทัวร์ริ่งของค่ายS มาลองขี่ทั้งตัว300, 400และ600และเขียนเล่าให้สมาชิกมาแล้วก็ตาม แม้จะรู้สึกว่ามันดี มันสบายอย่างไรก็ตามแต่ก็ยังไม่โดนใจขนาดว่าจะต้องหามาไว้สักคัน ไม่ว่าจะคันใหญ่หรือคันเล็ก พูดให้ชัดก็คือ…ใจยังอยู่กับรถเกียร์อยู่นั่นเอง
ตื่นมาวันหนึ่ง…เมื่อเวลาแห่งการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์มากมายหลากหลายยี่ห้อผ่านไปไม่กี่ปี แม้ไฟในใจที่รักการขับขี่ยังคงคุกรุ่น แต่ด้วยหลายๆเหตุผลที่เริ่มมีความจำเป็นทำให้คิดว่า ถึงเวลาแล้วที่คงต้องมีสรรหามอเตอร์ไซค์ใช้ทั้งส่วนตัวและส่วนงานสักคันที่…
1. นั่งขี่ไกลๆไม่ปวดหลัง เบาะกว้างไม่ปวดก้น มีท่าทางการขับขี่มีเป็นธรรมชาติ
2. มี wind shilde และแฟริ่งช่วยตัดลม ช่วยให้ร่างกายไม่ต้องปะทะลมมากเกินไปเมื่อต้องทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร
3. ขนสัมภาระสำหรับเดินทางหลายวันได้โดยไม่ต้องติดตั้ง Side case(กล่องข้าง,ปี๊บข้าง)
4. รูปลักษณ์ต้องจริต เห็นแล้วต้องรู้สึกถูกชะตา
5. คุณภาพต้องเชื่อถือได้ การบริการต้องเป็นมิตร
ข้อ 6. เป็นเงื่อนไขที่สำคัญมากในการตัดสินใจ
จากการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์มาหลายปี เริ่มรู้สึกว่า เราไปแต่ตัวเรา ไม่ว่าจะไปทำงานหรือไปเที่ยวแล้วคนที่บ้านล่ะ โอเค อย่างแฟนถ้ามีเวลาก็คงซ้อนไปเที่ยวได้ถ้าเวลาตรงกัน
แต่ที่ผมเก็บมาคิด คือ บุพการีที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว…เราทิ้งให้เขาอยู่บ้านคนเดียว ไม่ได้พาไปเที่ยวไหนมาหลายปี โดยข้ออ้างของเราหรือเปล่าว่าเราชอบมอเตอร์ไซค์ และเบื่อการเดินทางด้วยรถยนต์(จริงๆก็ชอบรถยนต์นะ แต่หลังๆนี่รถมันติดเกินไป)
พาแม่ซ้อนมอเตอร์ไซค์เที่ยวเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า อันตราย ร้อน เหนื่อย นู่นนี่นั่น บลาๆ ฯลฯ
หลายคนอาจยังไม่ได้ลอง แต่ผมได้ลองพาแม่ซ้อนเที่ยวต่างจังหวัดมาแล้วถ้าใครยังพอจะจำกันได้
ถ้าจำไม่ได้ เอ้า เปิดวาร์ปให้!!!

https://pantip.com/topic/33159352 : พาแฟน(พ่อ)ไปเที่ยวเขาใหญ่

https://pantip.com/topic/35478285 : พาแฟน(พ่อ)เที่ยว WSBK

https://pantip.com/topic/36814815 ล่าสุดพาไปเที่ยวระนอง กระทู้ตัวเองยังไม่คลอด ยืมกระทู้ @ตบจูบ__ตบจูบ มาก่อน

จากการทดลองทั้งสามครั้ง โอเค…นางชอบ นางแฮปปี้ เรื่องความปลอดภัยก็ตามที่เห็น ระวังเต็มที่ ใช้ความเร็วให้เหมาะสม ก็ไปได้แหละน่า
แต่ถ้าจะให้นางซ้อนเที่ยวจริงๆ ก็คงต้องซื้อเองสักคันแล้วล่ะนะ ไม่อยากเอารถรีวิวไปแล้วล่ะ ไม่อยากยืมรถใครไปแล้วล่ะ
รถแบบไหนที่นางซ้อนแล้วน่าจะสบาย ติด Top box (กล่องหลัง) อีกใบให้นางพิงจะได้สบายไม่ต้องเมื่อยหลัง
เบาะหลังจะต้องกว้างขวางนั่งสบาย ตำแหน่งเบาะหลังต้องไม่สูงมากจะได้ไม่ต้องเหนื่อยปีน
ไปกันเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เหนื่อยก็พัก ไม่จำเป็นต้องตามแผนการเดินทางมาก ไม่จำเป็นต้องทำเวลา ให้เอาความสะดวกของนางเป็นแกนกลางในการเดินทาง (เหมือนกระทู้ที่คุณพ่อควบ NC750 พาลูกชายเที่ยวนั่นแหละ เน้นให้คนซ้อนเราเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจ)
ผมคิดว่าโดยสังขารแล้วเราเหลือเวลาอยู่ด้วยกันได้อีกไม่นาน ดังนั้นช่วงที่เหลือและยังไหว ผมอยากจะเติมความทรงจำดีๆให้มากที่สุด เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใจที่ไม่ได้ทำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะลากไปซ้อนสองล้ออย่างเดียวนะ อาจมีการพลิกแพลงในบางทริปที่ไปกับเพื่อนๆ เช่นทริประนองล่าสุด เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกลและเป็นฤดูฝนที่ถ้าไม่ถึงระนองแล้วไม่เจอฝนนี่แปลกแน่ๆ แล้วก็เจอจริงๆตามคาด ดังนั้น เมื่อมีรถยนต์ไปด้วย ผมก็เลยใช้วิธีฝากแม่ไว้กับรถยนต์ แล้วเมื่อแม่เบื่อจะนั่งรถยนต์ก็ให้มาซ้อนมอเตอร์ไซค์สลับกันไป เอาที่แกชอบตามอารมณ์ในเวลานั้นๆ ไม่ฝืนสังขาร ผลออกมาก็แฮปปี้ดีนะ
ตอนที่คิดๆไว้แล้ว และตัดสินใจแล้ว ตอนนั้นก็ยังไม่มีมอเตอร์ไซค์คันไหนรุ่นใดที่ตอบโจทย์ได้ตรงๆ…
จนเมื่อได้แว่วๆว่าเจ้า BURGMAN 650 ABS กำลังจะมานะ จะจองไหม…โอเค จองครับ หลุดปากจองโดยไม่ยั้งคิด ๕๕๕
แปลกจริง ยืมรถนู่นนี่นั่นมาขี่ๆเขียนๆเป็นข้อมูลให้หลายๆท่านตัดสินใจ แต่พอถึงรถตัวเอง กลับกลายเป็นว่าผมไม่ต้องการข้อมูลมากมายแหะ ลองขี่ก็ยังไม่ได้ลองอีกต่างหาก คงเป็นเพราะมันเป็นรถค่ายคนบ้า ด้วยความที่ใช้งานรถค่ายนี้มากหน่วงหนักและหลากหลายมาหลายๆคัน ถึงยังไม่ได้ลองขี่รุ่นนี้ ผมก็มั่นใจในคุณภาพของค่ายนี้ แถมมันยังขึ้นชื่อว่าค่ายคนบ้า เลยตรงจริตกับคนบ้ามากๆอย่างผมกระมัง …ก็อย่างว่า…คนบ้าขี่ซู
เมื่อทุกอย่างลงล๊อคของมัน จึงกลายมาเป็น “โปรดเรียกผมว่าคนบ้าโซฟาซิ่ง” ด้วยประการฉะนี้นั่นแล มิตรรักนักอ่านที่เคารพทุกท่าน แฮร่!!

 

 

 

 F u l l R e v i e w S U Z U K I  B U R G M A N  6 5 0  A B S

[เครื่องยนต์] ขนาดความจุ 638cc สองสูบนอนเรียงกัน วางขวางกับตัวรถ  ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ด้วยน้ำ(liquid cooled) ระยะชักของกระบอกสูบที่ 75.5mm x 71.3 mm DOHC  แรงม้าญี่ปุ่นอย่างไม่เป็นทางการอยู่ที่ประมาณ 56 ตัว ที่ 7,000 RPM ให้แรงบิดอย่างไม่เป็นทางการที่ 62 Nm ที่ 5,000 RPM อัตราส่วนกำลังอัด 11.2:1

ด้วยความที่เป็นเครื่องยนต์ที่วางเกือบๆขนานไปกับพื้นส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงสมดุลน้ำหนักของตัวรถยิ่งถูกกดต่ำลงแน่นอนว่าย่อมทำให้การยึดเกาะถนนในทางโค้งดีขึ้นตามไปด้วย ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่แผงหม้อน้ำมาวางอยู่ด้านหลังของล้อหน้าทำให้ปริมาณอากาศที่เข้ามากระทบแผงนั้นทำได้ดี ส่วนในด้านพละกำลังของเครื่องยนต์จะแสดงผลได้ดีในย่านความเร็วช่วงกลาง ต้นจะหนืดนิดหน่อย ปลายๆต้องรอไหลนิดๆ

[ช่วงล่าง] ระบบกันสะเทือนช่วงหน้าที่เรียบง่ายด้วยเทเลสโคปิคระยะชักที่ 110มม. กันสะเทือนหลังด้วยโช๊คอัพคู่ปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับมารับแรงสะเทือนระหว่างเฟรมกับสวิงอาร์มระยะยุบตัวที่ 100มม. หยุดล้อหน้าด้วยดิสค์เบรคคู่ และดิสค์เดี่ยวในเบรคหลัง แน่นอนว่ามาพร้อมกับ ABS ยางหน้าและยางหลังติดรถ ให้ของดีติดตัวมาเป็น Bridestone Batlax ปั้มนูน Made in Japan ล้อหน้าขอบ 15นิ้วพร้อมยางขนาด 120/70 และล้อหลังขอบ 14นิ้ว พร้อมยางขนาด 160/60

 

 

 

 

[ความรู้สึกในการขับขี่] ด้วยจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่วางน้ำหนักไว้อยู่ต่ำ และมีความสูงใต้ท้องรถเพียง125มม.(เตี้ยกว่าBURGMAN 200 อยู่ 5มม.) การเข้าโค้งเมื่อคุ้นเคยกับตัวรถดีแล้วจะพบว่ามันเข้าโค้งได้สนุกและยึดเกาะดีเกินคาด แม้น้ำหนักรถพร้อมของเหลวจะอยู่ที่ประมาณ 275 กิโลกรัม แต่เมื่อคร่อมขี่แล้วลองเอาขายันแล้วไถหน้าไถหลัง ยังเป็นน้ำหนักที่คนที่แข็งแรงทั่วๆไปประคองเคลื่อนที่ได้ และเมื่อบิดคันเร่งออกตัวไป น้ำหนักดังกล่าวก็แทบไม่รู้สึกว่าหนักและเป็นภาระเลย

 

 

[บทสรุปในภาพรวม]
ว่ากันที่การตอบสนองของเครื่องยนต์กันก่อน แม้จะอยู่ในคลาส650 และอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักจะเสียเปรียบ Sport Bigscooter ค่าย Y อยู่บ้าง แต่จากการที่ผู้เขียนเคยได้ลองเจ้าตัวที่คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเอามาเปรียบเอามาลองขี่หลายๆวันในหลายๆย่านความเร็ว เชื่อว่าถ้าออกทริปด้วยกันหากไม่ได้เค้นปลายกันจนหมดปลอกจริงๆ คู่นี้ทิ้งกันไม่ออกสักเท่าไรหรอกและเมื่อต้องการใช้งานออกทริปแบบไปกันหลายๆคัน ในความเร็วเดินทางที่เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว (ถ้าไม่ถึงขนาดหวดกัน 170+ตลอดเวลา) รับรองว่าคันนี้ตามเพื่อนทันแบบสบายๆ แถมยังเหนื่อยน้อยกว่าเพื่อนจนเพื่อนอิจฉาน่ะเอาสิ ๕๕๕

 

 

และในความเป็นตัวมันคงต้องแยกอารมณ์ของอัตราเร่งของเครื่องยนต์คลาส 650 ตัวนี้ ออกเป็นสามลักษณะ
[MODE D] >>> เป็นโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติปกติที่มีโอกาสใช้มากที่สุดตีแล้วแทบจะเป็นร้อยละเก้าสิบเก้าของชั่วโมงการใช้งานทั่วไป ลักษณะส่งแรงขับเคลื่อนมาเรื่อยๆอย่างนุ่มนวลเมื่อต้องการใช้คันเร่งแบบละเอียด และเมื่อเปิดคันเร่งหนักขึ้นก็ยังคงความนุ่มนวลไว้แต่เพิ่มเติมการดึงให้ตึงร่างขึ้นมาบ้าง และเมื่อเปิดคันเร่งเต็มข้อมืออาการดึงจะเริ่งชัดเจนมากขึ้นอีกระดับแต่ก็ไม่ถึงกับหน้าหงายเพราะแรง G แต่อย่างใด เท่าที่บอกมา…อ่านแล้วเหมือนจะไม่แรง แต่ลองให้ใครขี่ ลงจากรถมาแล้วยิ้มแป้นทุกคนว่าเออ มันพุ่งแบบนิ่มนวลว่ะ อะไรประมาณนั้น การต่อเกียร์ไม่มีอาการติดขัดหรือสะดุดเอาจริงๆคือไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ ทำให้ดีงามมากในเวลาเดินคันเร่งในโค้งแบบเนียนๆ ไม่ต้องคอยพะวงเรื่องความเร็วที่เหมาะสมกับรอบเครื่อง ยัดคันเร่งให้พอดีกับโค้งเป็นอันเสร็จพิธี
[MODE D[ + [POWER ON] >>> โหมดพิเศษที่แนะนำให้ใช้ในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา เช่น ต้องการออกตัวจากไฟแดงแบบทิ้งรถทั่วไปทุกประเภทหายเป็นทุ่ง เจ้าโหมดนี้จะยังเป็น [MODE D] แต่เพิ่มเติมการลากรอบให้ยาวขึ้นในทุกๆช่วงเกียร์ (ประมาณOverdriveในเกียรออโต้ของรถยนต์) โหมดนี้ทดสอบแล้วดีงามมากในการหวดโค้งคดเคี้ยวบนภูเขาที่มีความลาดชันของถนนและบนถนนที่เปียกชื้นแฉะก็ดีงามมากในทุกระดับถ้าไม่อยากคอยพะวงกับ [MODE M] เพียงแค่ใช้ [MODE D] + [POWER ON] ก็มากพอที่คุณจะสนุกกับสมรถณะของ BURGMAN 650 ABS ตัวนี้ได้เต็มขีดแล้ว เพราะมันจะช่วงทำให้มี Engine Break  ที่หน่วงได้ดีมากและพอดีเท่าที่ต้องการเลยล่ะ อ่านแล้วอย่าเชื่อผมทั้งหมด เพราะผมคนบ้า ๕๕๕
[MODE M] >>> เป็นโหมดที่ให้เลือกใช้เกียร์ได้ตามใจฉัน แต่ในช่วงของการ Shift up เท่านั้นนะที่เราจะสามารถลากเกียร์ที่ต้องการได้(แต่ถ้าความเร็วไม่ถึงเกณฑ์ที่เซนเซอร์กำหนดไว้ จะเปลี่ยนเกียร์เพิ่มขึ้นไปเจ้าSECVTชุดนี้ก็ไม่เปลี่ยนให้นะจ๊ะ) และในส่วนของ Shift down ถ้าเราไม่เปลี่ยนเกียร์ลงเอง เมื่อถึงความเร็วที่เหมาะสม SECVT ก็จะ Shift down ให้เราเอง โดยสรุปคือโหมดนี้เอาไว้เปิดเพื่อความปลอดภัยเวลาใช้งานในโค้งคดเคี้ยวลาดชันหรือทางที่เปียกลื่น

โดยสรุปแล้ว ในโหมดขับเคลื่อนทั้งสามโหมด ผมให้คะแนน 6/5 เลย (คะแนนมันล้นเพราะผมสายเปย์ ๕๕๕)

 

สิ่งที่ดูแล้วเป็นจุดเด่นจุดขายของ Burgman 650 นี้ ด้วยความเป็น BSC สายทัวร์ริ่ง ตามที่หลายคนคงคาดไว้เช่นกัน ยืนยันว่านั่งขี่ไกลๆนั้น สรีระศาสตร์ของคันนี้อยู่ในระดับที่นั่งสบายทั้งก้นและส่วนของการถ่ายเทน้ำหนักจากท่านั่งไม่ว่าจะแบบวางขาตรงกลางปกติหรือวางขาแบบยันเฉียงไปด้านหน้า ช่วยลดทอนความเมื่อยล้าได้ดี ผู้เขียนสูง175cm วางเท้าได้เต็มสองเท้าแบบเข่าหย่อนๆเหลือ เบาะหนุนช่วงหลังระหว่างเอวกับสะโพกผู้ขับขี่รับหน้าที่ดันให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวที่พยุงมวลกล้ามเนื้อทั้งหมดได้ดี ช่วยดันหลังให้ตรงทำให้หลังไม่ค่อยๆค่อมลงๆเวลาขี่ไปนานๆ ท่านั่งคนขี่สำหรับไซส์มาตรฐานชายไทยจุดนี้ให้เต็ม 5/5คะแนน ส่วนคนซ้อน เท่าที่ถามมาก็บอกว่านั่งสบายดี ขาไม่ถ่างเกินไปเหมือน BSC บางรุ่น ยิ่งถ้าได้กล่องหลังไว้พิงได้ก็จะดีขึ้นไปอีก

รัศมีวงเลี้ยวที่ 2.7 เมตร ดูจากภายนอกน่าจะดูเหมือนกว้างแต่พอขี่จริงๆก็ไม่กว้างเกินไป แม้จะเป็นรถที่จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำ แต่น้ำหนักตัวที่ไม่น้อย ถ้าตัวรถเอียงจนถึงมุมวิกฤติในความเร็วที่ต่ำเกินไป ผู้ขับขี่ต้องรักษาสมดุลของร่ายกายเพื่อช่วยถ่วงสมดุลน้ำหนักของรถให้ดี เพราะน้ำหนัก 275 kg นั้น ถ้าตัวรถเอนเอียงได้ถึงจุดและเงื่อนไขต่างๆครบ ไม่ต้องไปเสียเวลาดึงหรอก ๕๕๕ จุดนี้เป็นเรื่องปกติตามกายภาพของรถดังนั้นไม่ขอให้คะแนน ขอให้มองเป็นจุดที่ต้องระวังก็แล้วกัน

ช่วงล่างรองรับแรงสั่นสะเทือนของถนนเมืองไทยได้ดีมาก โดยเฉพาะโช๊คอัพหน้าให้คะแนนดีเยี่ยมในการซับแรงกระแทกปกติทั่วไปได้ดี ส่วนโช๊คหลังจัดอยู่ในขั้นดีมาก หากไม่ได้เน้นจะบรรทุกหนักอะไรมากมายก็ไม่ต้องเปลี่ยนเลย ปรับ Preload ได้ห้าระดับตามความเหมาะสมในการใช้งาน

ยางติดรถที่ให้มาเป็นของเกรดดีมาก ความกลมของหน้ายางทำงานสอดคล้องกับสมดุลของรถได้อย่างเหมาะเจาะ ถ้าเงินไม่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ใช้งานปกติทั่วไปได้จนดอกหมดหรือเนื้อยางหมดอายุนั่นแหละ การรีดน้ำก็ทำได้ดีมาก ถนนเปียกยังยึดเกาะได้อย่างน่าพอใจ

ความสว่างของไฟหน้า แม้จะเป็นหลอดฮาโลเจน ซึ่งเอาจริงๆผมชอบอุณหภูมิของแสงจากหลอดฮาโลเจนมากกว่าหลอดLEDนะ ความสว่างเทียบเท่าได้กับไฟหน้าของ V-Strom 650 รุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งในการใช้งานทั่วไปก็เพียงพออย่างเหลือๆ คิดว่าจะไม่พยามไปยุ่งอะไรกับมัน เท่านี้ก็สว่างพอแล้วล่ะ

 

ลูกเล่นเด็ดๆอย่างชิลด์บังลมหน้าที่ปรับขึ้นลงได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สวิทช์ปรับเลื่อนขึ้นลงจะอยู่ที่ประกับขวาด้านล่างไฟฉุกเฉิน ทำให้สะดวกดีมากในการเดินทาง

 

 

ชิลด์บังลมหน้าจะยกขึ้นในระดับสูงสุด ซึ่งเมื่อวิ่งด้วยความเร็วประมาณหนึ่ง ความสูงและองศาจะช่วยตัดลมไม่ให้เข้าตาเรา แต่จะยังโดนหน้าผากอยู่(ลมจะได้ไหลเข้าช่องรับอากาศเข้าด้านบนของหมวกกันน๊อคได้ด้วย) และข้อดีคือเมื่อฝนตกและไม่หนักมาก ถ้าใช้ความเร็วถึงจุดที่พอดีแล้วก้มมุดหลังชิลด์ ความเร็วของอากาศที่ถูกรีดให้มีความเร็วสูงขึ้นด้วยองศาของชิลด์ ทำให้เม็ดฝนถูกความเร็วของอากาศดังกล่าวดันข้ามหัวเราไปเกือบจะหมด ผลคือเราจะไม่ค่อยเปียกฝนเมื่อใช้ความเร็วในระดับหนึ่งนั่นเอง
ของเล่นดีๆแบบนี้ เอาไป 5/5คะแนน

 

 

ระบบกระดิกหูได้ เอ้ยยยยย ระบบช่วยพับเก็บกระจกมองข้างด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ชีวิตในเมืองใหญ่ของคุณง่ายขึ้น ถ้ามุดแบบตรงๆ รถเล็กไปด้วย ผมก็กล้ามุดตามนะเอาสิ พอชินกับสมดุลและระยะกว้างของรถแล้ว จะพบว่าในเมืองมันไปได้ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย แต่ก็ต้องยอมรับความจริงนะความความยาวของตัวลรถจะเป็นอุปสรรคในการมุดระหว่างคันหน้ากับคันหลัง กะระยะให้ดีล่ะ
กระจกมองข้างดุ๊กดิ๊ก เอาไปอีก 5/5 คะแนน

 

 

 

ช่องเก็บของใต้เบาะความจุ 50 ลิตร จัดเรียงสัมภาระได้จุใจ ใช้งานในเมืองเวลาจอดก็เอาหมวกกันน๊อคเต็มใบปิดคางใส่ลงไปได้สองใบก็ยังมีที่เหลือๆ ช่องเก็บของด้านหน้าคนขี่ก็มีอีกสามช่องให้ใส่ของเล็กๆน้อยๆ เช่น แว่นตากันแดด ถุงมือ บลาๆๆ ฯลฯ มี DC Socket ให้เสียบตัวชาร์จไฟแบบเสียบกับที่จุดบุหรี่ได้ด้วย(ขอจิ๊กรูปจากเพจไทยซูมาใช้หน่อย อิอิ)
ช่องเก็บสัมภาระโดยรวมแล้ว เอาไปอีก 4.5/5 คะแนน (อยากได้ใหญ่กว่านี้อีกหน่อย อิอิ)

 

 

การแสดงผลต่างๆผ่านเรือนไมล์ จัดมาให้เกือบครบๆ จะขาดก็แค่การแจ้งระยะทางที่ยังวิ่งได้โดยคำนวนจากปริมาณน้ำมันที่เหลือเท่านั้นเอง แต่ที่ให้มาและชอบมากสำหรับเด็กยุค 90 อย่างผม คือการให้มาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบเข็มหรืออนาล็อกมานี่แหละ ดูง่าย สบายตา คลาสสิก

อัตราสิ้นเปลือง สำหรับรถออโต้คลาสนี้ ผมมองว่ามันทำได้ค่อนข้างดีนะ กับตัวเลขคร่าวๆที่ลองทำได้จะประมาณนี้
ความเร็วเฉลี่ย 100km/hrs @3800rpm สิ้นเปลืองที่ประมาณ 25km/lites
ความเร็วเฉลี่ย 120km/hrs  @4500rpm สิ้นเปลืองที่ประมาณ 23km/lites
ความเร็วเฉลี่ย 140km/hrs @5500rpm สิ้นเปลืองที่ประมาณ 20km/lites

โดยรวมแล้วกับความคาดหวังที่ตั้งโจทย์ไว้ คุณเปียกปูนหรือ SUZUKI BURGMAN 650 ABS คันนี้ตอบโจทย์ผมได้ครบถ้วนกระบวนความ ในราคาที่ส่วนตัวผมมองว่ามีทอน กับการรับประกันคุณภาพสองปีที่ไม่จำกัดระยะทาง กับสายพานCVTที่ผสมวัสดุพิเศษที่อายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน เหลือก็แค่ลูกเล่นต่างๆเมื่อใช้งานไปสักระยะจะจุกจิกมากน้อยแค่ไหน และสุดท้ายที่อยากให้ใส่มาในรุ่นถัดไปคือขอครูสคอนโทรลด้วยจ้า

 

 

สุดท้ายนี้ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามรับชม Full Review ฉบับนี้จ้า
ไม่พลาดทุกกระทู้เด็ดเรื่องยานยนต์ กด Like กันที Pantip Garage https://www.facebook.com/pantipgarage/

 

 

ขอบคุณคร้าบบบ

 

แว้บมาบอกว่า ถ้าข่มขืนขาตั้งคู่อีกนิด ก็จะได้ประมาณนี้ครับ
ปอลิง ข่มขืนโดย แบงค์ fastbike thailand

 

 

 

 

ต้นฉบับจาก : HTTPS://PANTIP.COM/TOPIC/36864175 

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BURGMAN 650 ABS :  WWW.THAISUZUKI.CO.TH


REMOVE ALL
COMPARE
0
Scroll Up